ไมเกรน (Migraine) ไม่ใช่แค่ “ปวดหัวธรรมดา” แต่เป็น โรคทางระบบประสาทเรื้อรัง ที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้หญิง อาการปวดหัวข้างเดียวแบบตุบ ๆ หรือจี๊ด ๆ อาจรบกวนการทำงาน การใช้ชีวิต และคุณภาพการนอนอย่างมาก หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจกลายเป็น ไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine) ซึ่งรักษายากและอาการกำเริบบ่อยขึ้นได้

ลักษณะอาการของไมเกรน

• ปวดหัวข้างเดียวหรือสลับข้าง
• ปวดตุบ ๆ คล้ายชีพจรเต้น
• คลื่นไส้ อาเจียน
• แพ้แสง แพ้เสียง หรือกลิ่นแรง
• มองเห็นแสงวูบวาบ หรือภาพเบลอก่อนปวดหัว (aura)

ไมเกรนมักปวดนานตั้งแต่ 4 – 72 ชั่วโมง และกลับมาเป็นซ้ำเมื่อเจอกับสิ่งกระตุ้น เช่น เครียด อดนอน หรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

ปัจจัยกระตุ้นไมเกรนที่พบบ่อย

• พักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออดนอน
• ความเครียดสะสม
• ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
• แสงจ้า เสียงดัง หรือกลิ่นแรง
• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (เช่น ช่วงมีประจำเดือน)

วิธีรับมือไมเกรนเบื้องต้น

• พักในที่เงียบและมืด เพื่อลดสิ่งกระตุ้นทางประสาท
• ประคบเย็นที่หน้าผากหรือท้ายทอย ช่วยบรรเทาการอักเสบของหลอดเลือด
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ ป้องกันภาวะขาดน้ำซึ่งกระตุ้นอาการปวดหัวได้
• หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น เช่น ช็อกโกแลต ไส้กรอก ผงชูรส
• ออกกำลังกายเบา ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์เฉพาะทางสมอง

• ปวดหัวบ่อยกว่า เดือนละ 4 ครั้ง
  
• ปวดหัวรุนแรงมากขึ้น หรือปวดนานเกิน 72 ชั่วโมง
• มีอาการอ่อนแรง แขนขาชา หรือพูดไม่ชัด
• มีปัญหาการมองเห็น ภาพซ้อน หรือหมดสติ
• ปวดหัวเฉียบพลันรุนแรงที่สุดในชีวิต

หากมีอาการเหล่านี้ ควรเข้าพบ แพทย์เฉพาะทางระบบประสาท (Neurologist) เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ยาควบคุมไมเกรนเฉพาะชนิด การปรับพฤติกรรม และติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง

“ไมเกรน” อาจดูเหมือนอาการปวดหัวทั่วไป แต่แท้จริงเป็นโรคที่ต้องการการดูแลอย่างจริงจัง หากคุณมีอาการปวดหัวบ่อย รุนแรง หรือมีอาการร่วมผิดปกติ อย่ารอจนสาย การพบแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้วินิจฉัยได้แม่นยำ และวางแผนการรักษาให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง