แม้ว่าเรื่องเพศและการตั้งครรภ์อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับบางคน โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนหรือวัยเริ่มต้นทำงาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว “การวางแผนชีวิต” โดยเฉพาะด้านสุขภาพเจริญพันธุ์ คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทั้งในมิติของร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์
การทำความเข้าใจเรื่อง “ การคุมกำเนิด ” จึงไม่ใช่เพียงแค่การป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เท่านั้น แต่ยังเป็นการวางแผนอนาคตที่ชัดเจน มีเป้าหมาย และเคารพต่อสิทธิของตนเองและของคู่ชีวิต การคุมกำเนิดอย่างเหมาะสมช่วยให้เราสามารถเลือกช่วงเวลาที่พร้อมจะมีบุตรได้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัย
การคุมกำเนิด สำคัญอย่างไร?
“การคุมกำเนิด” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถวางแผนชีวิต การเรียน การทำงาน รวมถึงวางแผนครอบครัวในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีวิธีคุมกำเนิดให้เลือกหลากหลาย ทั้งในรูปแบบฮอร์โมนและไม่ใช้ฮอร์โมน ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และสุขภาพของแต่ละคนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
วิธีคุมกำเนิดแบบไหนเหมาะกับคุณ?
1.ฉีดยาคุมกำเนิด (1 เดือน และ 3 เดือน)
การฉีดยาคุมกำเนิดเป็นวิธีที่สะดวก ไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน และเหมาะกับผู้ที่มักลืมรับประทานยา
ฉีดยาคุมแบบ 1 เดือน : เริ่มฉีดวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน มีฤทธิ์คุมกำเนิดหลังจากเริ่มยาไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน
ข้อดี:
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดชั่วคราว
- มีประสิทธิภาพสูง หากฉีดตรงเวลา
- ไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน ลดความเสี่ยงจากการลืม
- ประจำเดือนยังมาปกติทุกเดือน
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องเข้ารับการฉีดยาทุก 4 สัปดาห์อย่างเคร่งครัด
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มได้
ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน : เริ่มฉีดได้ทันที มีฤทธิ์คุมกำเนิดหลังจากเริ่มยาไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน
ข้อดี:
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดระยะกลาง-ยาว
- ไม่ต้องนัดฉีดยาบ่อย เพียงปีละ 4 ครั้ง
- ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องได้รับการฉีดต่อเนื่องทุก 12 สัปดาห์
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น ประจำเดือนหยุดไประหว่างที่ใช้ยาคุมกำเนิด หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มได้
วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก ไม่ต้องวุ่นวายกับการรับประทานยา แต่ควรแน่ใจว่าสามารถมาฉีดยาได้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ
2. การฝังยาคุมกำเนิด
การฝังยาคุมเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น หรือผู้ที่ต้องการความมั่นใจในประสิทธิภาพระยะยาว
ข้อดี:
- มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงถึง 99%
- คุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม
- ไม่จำเป็นต้องทานยาเป็นประจำ และไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา
- สะดวก เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ยุ่ง ๆ หรือไม่สามารถมาฉีดยาได้ตรงเวลา
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องได้รับการฝังโดยแพทย์ผู้ชำนาญ ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดบริเวณที่ฝัง หรือมีรอยช้ำ ประจำเดือนหยุดไประหว่างที่ใช้ยาคุม หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย
- เมื่อครบกำหนดหรือมีปัญหา ต้องถอดออกโดยแพทย์เท่านั้น
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการตั้งครรภ์ในระยะยาว และไม่ต้องการวุ่นวายกับการฉีดหรือรับประทานยา แต่ควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวบางชนิด เพราะยาคุมทุกตัวที่เป็นฮอร์โมน ไม่ควรใช้ในคนที่เป็นโรคหลอดเลือดในสมอง ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคตับเสื่อม
3. การใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
ห่วงอนามัยเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กใส่ในโพรงมดลูก เพื่อป้องกันการปฏิสนธิ
ข้อดี:
- มีประสิทธิภาพสูง คุมกำเนิดได้ยาวนาน 5 ปี
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ฮอร์โมน (กรณีใช้ห่วงแบบไม่มีฮอร์โมน)
- ไม่ต้องรับประทานยาหรือฉีดยา
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องใส่และถอดโดยแพทย์ อาจรู้สึกไม่สบายในช่วงแรก
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดท้องน้อยในช่วงแรก หรือเลือดออกมากในช่วงมีประจำเดือน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือเคยตั้งครรภ์นอกมดลูก
เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว และไม่ต้องการรับฮอร์โมน แต่ควรตรวจเช็กสุขภาพภายในก่อนใส่ เพื่อความปลอดภัย
แล้วควรเลือกคุมกำเนิดวิธีไหน?
การเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาถึงสุขภาพ ปัจจัยด้านฮอร์โมน การวางแผนอนาคต และความต่อเนื่องในการใช้งาน
วิธีคุมกำเนิด |
เหมาะกับใคร | ระยะเวลา | ข้อดีหลัก |
ฉีดยาคุม (1 เดือน) |
คนลืมกินยา แต่สะดวกไปโรงพยาบาลทุกเดือน | สั้น |
ใช้ง่าย ไม่ต้องกินยา |
ฉีดยาคุม (3 เดือน) |
คนที่ต้องการคุมแบบระยะกลาง ไม่ยุ่งยาก | กลาง |
ฉีดน้อยครั้งต่อปี |
ฝังยาคุม |
คนที่วางแผนไม่ต้องมีบุตรใน 3-5 ปี | ยาว |
ไม่ต้องจำ ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย |
ห่วงอนามัย | ไม่ต้องการฮอร์โมน ต้องการคุมยาวนาน | ยาว |
ไม่มีฮอร์โมน ใช้ได้นาน |
การเลือกวิธีคุมกำเนิดไม่ได้มีคำตอบเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน เพราะแต่ละคนมีความต้องการ ไลฟ์สไตล์ และสภาวะสุขภาพที่แตกต่างกัน
- หากคุณเป็นคนที่มักลืมรับประทานยา การฉีดยาคุมหรือฝังยาคุมจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
- หากต้องการความสะดวกและคุมกำเนิดระยะยาวโดยไม่ใช้ฮอร์โมน การใส่ห่วงอนามัยจะเหมาะกับคุณมากกว่า
- หากคุณต้องการคุมกำเนิดระยะสั้น แต่อยากหลีกเลี่ยงฮอร์โมนแบบรับประทาน การฉีดยาคุมเดือนต่อเดือนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
การคุมกำเนิดไม่ใช่เรื่องไกลตัว และการเลือกวิธีที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องยาก หากมีข้อมูลที่ถูกต้องและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะสุขภาพของผู้หญิงแต่ละคนมีความเฉพาะตัว หากคุณกำลังมองหาวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมทั้งในเรื่องของสุขภาพ ร่างกาย และแผนชีวิตของคุณ
เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากความเข้าใจ และการวางแผนที่รอบคอบ
แพ็กเกจแนะนำ
บทความสุขภาพอื่นๆ
VDO ความรู้สุขภาพ
บทความโดย
แพทย์หญิงวรางคณา ว่องมงคล
แพทย์เฉพาะทางสูติ-นรีเวชวิทยา-ทั่วไป แผนกการรักษา โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม/นัดหมาย
แผนกสูตินรีเวช ชั้น 3
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์
โทร. 02-594-0020 ต่อ 1320 , 1321